Wednesday, November 01, 2006

24


24 (twenty-four)คือ ชื่อซีรี่สุดฮิตของ fox ช่องทีวียอดฮิตของอเมริกา เป็นหนังเรื่องล่าสุดที่ได้ดูจบไป อันที่จริงผมเพิ่งดูไปเพียงซีซั่นเดียวจากทั้งหมด 6 ซีซั่น ชื่อเรื่อง 24 มาจาก 24 hours ใน 24 ชม.ก็คือ 1 วัน และเป็นความยาวของซีรี่ 1 ซีซั่น พอดิบพอดี โดยดำเนินเรื่องจะดำเนินตั้งแต่ 8 โมงเช้า และไปจบที่ 8 โมงเช้าของวันถัดมา

เรื่องราวโดยรวมของซีซั่นนี้ พูดถึง แผนการก่อการร้ายที่จะมีการจุดระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นในลอสแองเจิลลิสภายใน 1 วัน ทำให้ คิม บาวเออร์ ซึ่งถอนตัวจากการเป็นนักสืบสวนไล่ล่าขององค์กร CTU (องค์กรปราบปรามการก่อการร้าย) ถูกรียกตัวกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง ภารกิจครั้งนี้นอกจากจะมีการติดตามการสืบสวนของบาวเออร์แล้ว ผกก ยังใช้สถานการณ์ ของตัวละคร เช่น คิมเบอลี่ บาวเออร์(ลูกสาวคิม บาวเออร์) ที่พยายามจะหนีออกจากลอสเองเจอลิส เพื่อเอาชีวิตรอด จอร์จ เมสัน ผอ.CTU กับการเป็นหน่วยงานสนับสนุนคิม บาวเอร์ ประธานาธิบดีพาล์มเมอร์ ที่ชิงไหวชิงพริบทางด้านการเมืองทั้งในและต่างประเทศ ที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ ครอบครัววอร์เนอร์ ครอบครัวที่ดูแสนจะอบอุ่นแต่เบื้องหลังพัวพันไปกับการก่อการร้าย การดำเนินเรื่องนั้นเต็มไปด้วยอรรถรส เพราะมีสถานการณ์ให้เราต้องติดตามอยู่ตลอด ทำให้ผมนั้นอดนอนไปหลายคืน เพราะ อดใจไม่ดูต่อไม่ได้ เรื่องราวดูเหมือนจะจบที่การพบระเบิดและระเบิดถูกทำลาย แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น มีการใช้หลักฐานลวง ว่าระเบิดเกิดจากการร่วมมือกันของสามชาติอาหรับ ทำให้ ปธ.จำเป็นต้องประกาศสงครามแต่ในท้ายที่สุด คิม บาวเออร์ ก็พบหลักฐาน ชิ้นสำคัญที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่สามไม่เกิด และผู้สมคมคิดตัวใหญ่ถูกวิสามัญ เรื่องทิ้งท้ายที่ฉากการแถลงข่าวของชาววันใหม่โดย ปธ พาล์มเมอร์ หลังจากปราศรัยแสร็จ ก็ทักทายปรชาชนโดยการจับมือ หลังจากเดินผ่านฝูงชนเพื่อขึ้นรถ ปธ.ล้มลงพร้อมกับมือที่สภาพเหมือนถูกเชื้อโรคร้ายแรง

ดูมันซิครับผมดูมา 24 ชม. มันมาจบอย่างนี้ ทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่ต้องฝากจิมซื้อ ซี่ซั่น 1-4 มาจากแม่สาย เพื่อมาดูต่อ ตั้งใจว่าจะเริ่มดูตอนแปดโมงโดยไม่ทำอะไร แล้วพอจบซีซั่นค่อยหลับนอน (แต่อาจจะอดใจดูซีซั่นต่อไปไม่ไหว)

สิ่งสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างยิ่งคือ บทละคร
แม้ว่าพลอทเรื่องจะเป็นลักษณะเดิมๆ ของหนังฮอลลีวูด คือ มีผู้ก่อการร้าย ระเบิด ประธานาธิบดี นาวเอก
แต่เรื่องนี้มีความลึกในเรื่องจิตวิทยาของคนอย่างมาก ไม่ว่าตัวละครจะเด่นจะดับขนาดไหน แต่การแสดง
และบทที่ถูกเขียนนั้น ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความจริงในโลกสมมุติ ตัวละครมีความลึกและมีชีวิตจิตใจ
มีความสั่นไหวโอนเอียง มีความริษยา โกรธ เก็บกด ครบทุกส่วน และทำให้เรารู้สึกเป็นคนอเมริกันคนนึงโดยปริยาย

อันที่จริงหนังเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ในตัว แต่โดยส่วนตัวก็ชอบการกำกับและเขียนบท
และเป็นเรื่องที่แนะนำให้ไปดูกัน รับรองว่าไม่เสียเวลา

อาจจะง่วงเล็กน้อยตอนไปทำงาน แต่ก็คุ้มครับ รับรอง

No comments: