Thursday, August 16, 2007

กำลังมีสติอยู่จ๊ะ

ความสุขจะหาจากที่ใดหนอ ทุกวันนี้เราเริ่มหามันยากขึ้นๆ เรามักคิดว่า ความสุขของเรารอเราอยู่ข้างหน้า เราเห็นมันชัดบ้าง พล่าบ้าง ที่ข้างทางนั้น เราเห็นตัวของเราได้ไปเรียนต่อ เมื่อกลับมาเราจะมีงานการทำที่ดีกว่านี้ มีครอบครัว มีบ้านซักหลัง ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างที่คนๆหนึ่งจะทำได้ มีเวลาได้ไปเที่ยวหลายๆที่ เราอาจคาดหวังถึงการเที่ยวรอบโลก นั้นคืออนาคตที่เราวาดไว้ เราจัดเตรียม พื้นที่สำหรับความสุขมากมาย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งในที่แห่งนั้นเราจะผสานเข้ากับความสุขได้อย่างเต็มอิ่มในท้ายที่สุด

เราสามารถที่จะมีความสุขได้ง่ายกว่านั้น ที่เราเคยได้ยินบ่อยๆว่า ความสุขอยู่ในปัจจุบัน หรือ ตื่นตัวตื่นรู้อยู่เสมอ ทั้งสองนี้มีสติอยู่เป็นพื้นฐาน ทำงานอยู่อย่างขมักเขม้น การเจริญสติจะช่วยให้เรารู้สึกถึงพลังบางอย่าง เหมือนเอามืออังบนชามข้าวต้มร้อนๆ ในคืนหนาว ละมัง พลังสตินี้จะพาเราสู่หนทางใหม่ ที่เราละเลยและปล่อยมันทิ้งไว้

ข้าวต้มร้อนๆ เมื่อปล่อยไว้ก็เย็นชืดหมด

รอบตัวเรานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์นานา ใจที่อ่อนหัดก็ชื่นชอบที่จะดื่มกินอารมณ์ด้วยความเอร็ดอร่อย บางครั้งเราเดินเพียงไม่กี่ก้าว เราคิดไปได้ไกลถึงอีกซีกโลก เดินมาแล้วไม่รู้ว่าเดินมาทำไม หรือลืมทาง นี่เองเพราะใจเรากำลังสนุกสนานกับรสอารมณ์ เราเองก็เอาใจช่วยมันซะด้วย

สติจะช่วยเราให้มารู้ตัวทั่วพร้อมที่ตัวเราจริงๆ อาจจะเป็นที่ลมหายใจ หรือร่างกายของเรา สติจะทำให้ตัวเราได้เรียนรู้อาณาเขตของความสุขแห่งใหม่ เบิกบานใจ และผ่อนคลาย เราสามารถที่จะยิ้มเพราะอิ่มจากข้างใน ถ้าเราเจริญสติตลอดวัน ความสุขในทุกวินาทีเกิดขึ้นได้จริง และจะรู้ถึงสภาวะของมันได้เฉพาะตัวเองเท่านั้น คนทั่วไปจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากรอยยิ้มที่ไม่จางคลายจากใบหน้าเราเลย และถามเราเสมอว่าทำไมดูมีความสุขจัง นั้นคือสัญญาณแห่งความสุขที่แท้ เมื่อมีความสุขแบบนี้ก็คือการปฏิบัติธรรม เราจะมองเห็นตถาคตยืนยิ้มให้เรา ให้กำลังใจเราอยู่ตลอด

สุขไม่ต้องความหา เพียงแค่เปิดโอกาสสัมผัสใจด้วยสติเท่านั้น ที่สำคัญมันง่ายกว่าการหาเงินมาซื้อความสุขเป็นไหนๆ เราไม่หาเงินเพื่อซื้อความสุขอีกแล้ว คงเป็นเรื่องโง่เขลาที่สุด ถ้าเรื่องราวชีวิตของใครคนหนึ่ง จะเกิดมาเพื่อเรียน ทำงาน มีบ้าน มีรถ มีลูก มีเงิน มีลูกน้อง มีโล่รางวัล มีหลาน ได้นอนโรงพยาบาลนานๆแล้วก็ตายจาก ซ้ำๆกันไป คนแล้วคนเล่า ถ้ำดำรงสติจนอยู่เสมอ เราจะให้คุณค่า ให้รางวัลกับตัวเราเองตลอดเวลาโดยจะเลือกทำงานที่มีประโยชน์ทั้งแก่ตัวเองและคนรอบข้าง ความสุขขณะที่ทำงานทำให้เราทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ และมองเห็นเป้าหมายของงานและชีวิตที่ชัดเจน เปลี่ยนจากการเป็นเพียงผู้สนองความต้องการของสังคมไปเป็นผู้นำสังคม มุ่งไปเพื่อประโยชน์สุขที่แท้ของตน ครอบครัว สังคมและธรรมชาติ

หลังจากนี้
ถ้าเจอเพื่อนคนไหนถามเราว่า ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่
เราก็ตอบอย่างแช่มช้าว่า กำลังมีสติอยู่จ๊ะ

เอาล่ะเอามืออังข้าวต้มมาตั้งนาน ได้เวลากินกันแล้วล่ะ



มีเพื่อนคนหนึ่งถามว่า เมื่อเรายังมีกำลัง การไปเที่ยวหาประสบการณ์จากหลากหลายแหล่ง ไม่ปล่อยให้เฉยอยู่นิ่ง ได้ไปเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของวัฒนธรรมต่างๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เพื่อนใหม่ การได้ถ่ายรูปสวยๆหรือนั่งเขียนกลอนบรรยายความประทับใจซักบท คือ รสชาติของชีวิต อย่างนี้ถูกไหม

อันที่จริงแล้วการได้พบปะกับสิ่งใหม่ นั้นสวยงามและน่าจดจำ เราทุกคนเมื่อได้ทำอย่างนั้นก็ชื่นชอบและรู้สึกได้ว่าเราได้เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เดินทาง เราเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ เพื่อให้เราคนเดิมมีคุณค่า กว้างขวาง มีความสุขขึ้น มีพลังพร้อมที่จะกลับมาทำงาน พร้อมที่จะกักเก็บความสุขนั้นเอาไว้ให้นานที่สุดจนกว่าจะได้ออกสู่การเดินทางครั้งใหม่

No comments: